-อย่าวางกาต้มน้ำ, ฐาน, สายไฟในน้ำหรือของเหลวใดๆทั้งสิ้น
-อย่าเปิดฝาขณะที่น้ำเดือด
-อย่าใช้งานกาต้มน้ำหากสายไฟหรือปลั๊กไฟชำรุดเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย ควรส่งซ่อมที่ศูนย์บริการทันที
-การรับประกันจะครอบคลุมเฉพาะความบกพร่องที่เกิดจากการผลิตหรือการใช้งานภายในบ้านเท่านั้น
-ห้ามใช้ฝอยขัดเพื่อทำความสะอาดกาต้มน้ำ
-การถอดที่กรองตะกรันควรยกกาต้มน้ำออกจากฐานและรอให้เย็นอย่าถอดในขณะที่มีน้ำร้อนอยู่เต็ม
-อย่าทำความสะอาดตะกรันด้วยวิธีที่นอกเหนือไปจากที่แนะนำไว้ในคู่มือนี้
-อย่าเติมน้ำเลยระดับที่ได้กำหนดไว้หรือน้อยกว่าที่ระบุไว้หากเติมน้ำเกินที่กำหนด น้ำอาจล้นในขณะที่ต้มได้
ก่อนการใช้งานครั้งแรก
1.ถอดบรรจุภัณฑ์ที่มาในกล่องออกให้หมด รวมถึงสติ๊เกอร์ทั้งภายในและภายนอกของกาต้มน้ำ
2.ปรับความยาวของสายไฟโดยการหมุนเก็บที่ฐานและให้ปลายสายออกมาตามร่องที่กำหนด (fig 1) ต้มน้ำทิ้งสอง/สามครั้งแรกเพื่อกำจัดฝุ่นที่อาจหลงเหลือภายใน แยกล้างที่กรองและภาชนะภายในกาต้มน้ำ
การใช้งาน
1การเปิดฝา, ขึ้นอยู่กับรุ่น
-ระบบฝาบานพับ: กดที่ระบบล็อคบนฝาแล้วดึงมาด้านหลัง(fig 2)
-ระบบช่วยเปิด: กดที่ระบบล็อค แล้วฝาจะเปิดเองอัตโนมัติ(fig 3)
-ระบบอัตโนมัติ:กดที่ปุ่มกดบริเวณด้านบนของด้ามจับ(fig 4)
-ฝาปิดล็อค: หมุนฝาปิดไปทางซ้ายแล้วดึงขึ้น(fig 5)
การปิดฝา กดลงให้แน่นแล้วหมุนไปทางขวาสำหรับระบบฝาปิดล็อค
•ฝาถอดได้:ไม่ควรใช้งานโดยไม่มีฝา หากฝาหายหรือชำรุดควรติดต่อฝ่ายบริการหลังการขาย (fig 5.2)
2วางฐานบนพื้นราบ, มั่นคง, ทนความร้อน ห่างไกลจากความชื้นหรือแหล่งน้ำหรือความร้อน
•ใช้งานกาต้มน้ำกับฐานที่ให้มาด้วยเท่านั้น
3เติมน้ำในกาต้มน้ำให้ถึงระดับที่ต้องการ (fig 6)
•สามารถเติมน้ำผ่านพวยกาได้เพื่อเป็นการบำรุงรักษาที่กรองและยืดอายุการใช้งาน
•อย่าเติมน้ำขณะที่วางอยู่บนฐาน
•อย่าเติมน้ำเลยระดับที่ได้กำหนดไว้หรือน้อยกว่าที่ระบุไว้หากเติมน้ำเกินที่กำหนด น้ำอาจล้นในขณะที่ต้มได้
•อย่าใช้งานขณะที่ไม่มีน้ำภายใน
•ตรวจสอบก่อนใช้งานว่าฝาปิดสนิทเรียบร้อยดีแล้ว
•กาต้มน้ำควรใช้งานพร้อมที่กรองที่มากับเครื่องเท่านั้น
4 วางกาต้มน้ำบนฐาน เสียบปลั๊กกับเต้าเสียบ
5สำหรับกาต้มน้ำที่มีสวิตช์ปรับระดับอุณหภูมิ,ให้เลือุณหภูมิที่านต้องการท
ปรับไปที่ หากต้องการน้ำเดือด หรือปรับไปที่ | สำหรับอุหภูมิทีสามารถดื่มได้ทันที(fig 7) |
6การเริ่มทำงาน
กดที่ปุ่มเปิด/ปิดบริเวณด้านบนหรือด้านล่างของด้ามจับขึ้นอยู่กับรุ่น(fig 8)
7สำหรับกาต้มน้ำที่มีสวิตช์ปรับระดับอุณหภูมิ
หากท่านปรับระดับจาก ไปยัง หลังจากต้มน้ำแล้ว, กาต้มน้ำจะทำการปรับระดับความร้อน หากท่านคิดว่าระบบใช้เวลานานเกินไป ท่านสามารถเติมน้ำเย็นเพิ่มลงไปเพื่อเร่งการทำงานของกาต้มน้ำได้
8กาต้มน้ำอาจทีแสงไฟที่ด้านใน ขึ้นอยู่กับรุ่น
9กาต้มน้ำจะตัดการทำงานโดยอัตโนมัติ
เมื่อน้ำมีอุณหภูมิที่ตรงตามกำหนดคุณสามารถหยุดการทำงานได้เองทันทีก่อนยกจากฐานเพื่อริน้ำโดยขึ้นอยู่กับรุ่น แสงไฟด้านในหรือไฟแสดงการทำงานจะดับลงเมื่อน้ำมีอุณหภูมิตามที่กำหนด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสวิตช์อยู่ในตำแหน่งปิดและกาต้มน้ำได้หยุดการทำงานแล้วก่อนยกออกจากฐาน
• อย่าเก็บน้ำไว้ในกาต้มน้ำหลังเสร็จการใช้งาน เนื่องจากจะทำให้เกิดตะกรันเร็วขึ้น
การทำความสะอาดและดูแลรักษา
การทำความสะอาดกาต้มน้ำ
ถอดปลั๊ก
ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นแล้วทำความสะอาดด้วยฟองน้ำชุบน้ำ
• อย่าจุ่มกาต้มน้ำ, ฐาน, สายไฟในน้ำหรือของเหลวใดๆทั้งสิ้น: ขั้วไฟฟ้าหรือสวิตช์ของกาต้มน้ำต้องไม่โดนน้ำโดยตรง
•อย่าใช้ฝอยขัดในการทำความสะอาด
การทำความสะอาดที่กรอง (ขึ้นอยู่กับรุ่น) (fig 9)
ที่กรองน้ำถอดได้ประกอบไปด้วยเส้นใยสำหรับดักจับสารแขวนลอยหรือตะกอนในน้ำป้องกันไม่ให้ไหลไปอยู่ในถ้วยขณะที่ริน ที่กรองนี้ไม่สามารถปรับความกระด้างของน้ำได้คุณสมบัติของน้ำจะยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง น้ำที่มีความกระด้างมากจะทำให้ที่กรองอุดตันเร็วขึ้น(หลังการใช้งาน 10 ถึง15 ครั้ง) ควรทำความสะอาดเป็นประจำ หากตัวกรองยังเปียกอยู่ให้ล้างด้วยน้ำสะอาด หากแห้งแล้วให้เช็ด้วยความระมัดระวังบางครั้งตะกรันอาจติดแน่น จำเป็นต้องทำการขจัดตะกรัน
•การถอดที่กรองตะกรันควรยกกาต้มน้ำออกจากฐานและรอให้เย็นอย่าถอดในขณะที่มีน้ำร้อนอยู่เต็ม
การขจัดตะกรัน
ควรกำจัดตะกรันเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละครั้งหรือบ่อยกว่านั้นหากน้ำที่ใช้มีความกระด้างมาก
ขั้นตอนการขจัดตะกรัน
•ใช้น้ำส้มสายชู:
-เติมน้ำส้มสายชู½ ลิตร
-ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงโดยไม่ต้องต้ม
•ใช้กรดซิตริก:
-ต้มน้ำ½ ลิตร,
-เติมกรดซิตริก25 กรัมทิ้งไว้15 นาที
•ใช้สารขจัดตะกรันสำหรับกาต้มน้ำพลาสติกโดยเฉพาะ: ปฏิบัติตามคู่มือแนะนำของผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นั้นๆ
•เทน้ำทิ้งล้างน้ำสะอาด 5 หรือ6 ครั้งตามที่ต้องการ
การขจัดตะกรันที่ตัวกรอง (ขึ้นอยู่กับรุ่น):
แช่ที่กรองลงในน้ำส้มสายชูหรือกรดซิตริกเจือจาง
•ไม่ควรขจัดตะกรันด้วยวิธีที่นอกเหนือไปจากที่แนะนำไว้ข้างต้น
62 | 63 |